วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กะตะกรุ๊ป ขยายการลงทุนอีกกว่า 600 ล้านสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาวบนพื้นที่ 20 ไร่ ที่เขาหลัก


เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ห้องประชุม กะตะ โรงแรมกะตะธานีบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต ได้มีพิธีลงนามการสนับสนุนทางการเงินโครงการ Khaolak Cassaway ของบริษัทเจ้าฟ้าบุรี จำกัด ในเครือกะตะกรุ๊ป ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาระหว่างธนาคาร นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด และลูกค้า นายปมุข อัจฉริยะฉาย กรรมการบริหารกลุ่มโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป และสักขีพยานของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้รายละเอียดการเซ็นสัญญาดังกล่าว เนื่องด้วยทางบริษัท กะตะกรุ๊ป จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมรวม 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท โรงแรมระดับ 4 ดาว + ขนาด 525 ห้อง โรงแรมกะตะบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 275 ห้อง โรงแรมกะรนบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 80 ห้อง และโรงแรมกานดาบุรี สมุย โรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 183 ห้อง

สำหรับครั้งนี้ บริษัทฯ ก่อสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 153 ห้องพัก บนพื้นที่ประมาณ 66-2-65.7 ไร่ ภายใต้ชื่อโครงการ Khaolak Cassaway Resort & Spa บริเวณหาดปากวีป เขาหลัก จ.พังงา ประกอบด้วยห้องพักประเภท Duplex Bungalow จำนวน 148 ห้อง, 1 Bedroom Bungalow จำนวน 3 ห้อง, 2 Bedroom Bungalow จำนวน 2 ห้อง มีจุดเด่นทั้งทางด้านที่ตั้งที่อยู่ติดกับชายหาดปากวีป อันเป็นชายหาดส่วนตัวของโครงการ และการออกแบบห้องพักของโครงการที่ได้รับการออกแบบในสไตล์ของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ที่ผสมผสานความเป็นไทยภาคใต้กับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ภายใต้การผสมผสานความเป็นธรรมชาติและความทันสมัยไว้ด้วยกัน ประมาณการเงินลงทุนสำหรับโครงการ Khaolak Cassaway Resort & Spa จำนวน1,200 ล้านบาท บริหารงานโดยนายปมุข และนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย โดยธนาคารกสิกรไทย ให้การสนับสนุนโครงการเป็นเงิน 470 ล้านบาท

นายปมุข กล่าวภายหลังเซ็นสัญญาดังกล่าวว่า จากการที่โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ตัดสินใจขยายการลงทุนไปอยู่ที่เขาหลัก จ.พังงา เนื่องจากได้ที่แปลงใหญ่ พื้นที่ประมาณ 70 ไร่ อยู่ติดทะเลบริเวณหาดปากวีป ประกอบกับบริเวณหาดปากวีป มีโรงแรมระดับ 5 ดาวอยู่หลายโรงแรม ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า บริเวณดังกล่าวเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวระดับสูงไปพัก สำหรับลักษณะของห้องพัก เป็นแบบวิลล่าทั้งหมด ไม่มีตึก มีห้องอาหารไทย ห้องอาหารซีฟู้ดริมหาด ห้องอาหารอิตาเลี่ยน และมีสปา ซึ่งจะมีความสะดวกทุกอย่าง โดยคาดว่า จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ในเดือนพฤศจิกายน 2554 เพื่อรองรับไฮซีซั่นหน้าที่จะถึง ซึ่งมีความมั่นใจว่าเปิดได้ เนื่องจากว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ แล้วทำเป็นวิลล่าชั้นเดียว และมีพูลวิลล่า อยู่ริมหาด ประมาณ 5-6 ห้อง มีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ ประมาณ 600-700 ล้านบาท "พื้นที่จะเป็นธรรมชาติมาก เราจะลงต้นไม้เยอะ มีความร่มรื่น มีคลองที่เราขุดไว้ อย่างเช่น ห้องอาหารไทย เราต้องข้ามสะพานน้ำเข้าไป จะเป็นห้องอาหารไทยที่ลอยอยู่กลางน้ำ สปาก็อยู่กลางน้ำ ซึ่งเป็นโรงแรมหนึ่งที่เราภูมิใจมาก เฟส 1 กับ เฟส 2 จะลงพร้อมกัน ตอนนี้ยังมีที่อยู่ข้างเขาหลักอีกเยอะ จะให้บูมอีก 5-6 ปี ปลายปีข้างหน้ากำลังตัดสินใจดูถ้าสมมุติว่าวิลล่าเป็นที่นิยม ก็คงจะลงวิลล่าทั้งหมด ประมาณ 250 หลัง ตึกคงจะไม่เอา โดยเฟส 1 เฟส 2 ใช้เนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ ส่วนเหลืออีกประมาณ 50 ไร่ จะทำเป็นสวน ที่พัก พนักงาน รูปแบบที่นั่น จะพยายามปลูกผลไม้และดอกไม้ไทย" นายปมุข กล่าว

นายปมุข กล่าวถึงกลุ่มลูกค้า ด้วยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มยุโรป อาจจะมีส่วนหนึ่งเป็นสแกนดิเนเวีย อังกฤษ อิตาลี เพราะต้องการให้เป็นตลาดที่มีการผสมผสานกันค่อนข้างเยอะเวลาประเทศใดมีปัญหาจะได้ไม่มีผลกระทบกับเรา

ข้อมูลจาก...ส.ปชส.ภูเก็ต

ไม่มีความคิดเห็น: